-
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อย่าง Nasdaq และ S&P 500 มีผลตอบแทนโดดเด่น ทำให้เงินเติบโตได้ถึง 1 เท่าในช่วง 5 ที่ผ่านมา โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในดัชนีได้ผ่านกองทุนทั่วไป และกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนลดหย่อนภาษี
-
กองทุนดัชนี Nasdaq และ S&P 500 มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนหุ้นสหรัฐฯ ทั่วไป ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับผู้ที่สนใจอยากลงทุน
-
K PLUS หรือ Mobile Banking ของธนาคารกสิกรไทย ตัวช่วยให้การลงทุนกองทุนเป็นเรื่องง่าย สามารถลงทุนได้ทันทีหลากหลาย บลจ. แม้ไม่เคยมีบัญชีกองทุนมาก่อน
การลงทุนยอดฮิต ที่หลายคนพูดถึง มักหนีไม่พ้นการลงทุนในสิ่งที่เรียกว่าดัชนี Nasdaq และ S&P 500 เพราะเป็นดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก และที่ผ่านมาทำผลตอบแทนได้สูงกว่าหลายๆ สินทรัพย์ทั่วโลก
I: ผลตอบแทนโดดเด่น น่าจะทับใจ
ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 สามารถทำให้เงินเติบโตได้ถึง 1 เท่าตัว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ณ 18 ก.ย. 68 ทำให้เงินเติบโตได้ 108.19% และ 99.79% ตามลำดับ) ซึ่งทำผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่าดัชนีประเทศอื่น เช่น ดัชนีหุ้นกลุ่มประเทศยูโรโซนอย่าง Euro Stoxx 50 หรือดัชนีหุ้นประเทศไทยอย่าง SET ที่ทำให้เงินเติบโตได้เพียง 66.26% และ 0.67%ตามลำดับ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ณ 18 ก.ย. 68)
II: ทำความรู้จัก ดัชนี Nasdaq และ S&P 500
- ดัชนี Nasdaq เป็นดัชนีที่เน้นน้ำหนักการลงทุนหุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ Nasdaq มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของบริษัทขนาดเล็กที่ยังไม่สามารถจดทะเบียนในตลาดหลัก โดยในยุคแรกๆ นั้นมักเป็นหุ้นเทคโนโลยี เช่น Apple, Amazon, Alphabet, Meta, Microsoft, Nvidia และ Tesla ซึ่งในปัจจุบัน หุ้นเหล่านี้ก็ได้เติบโตกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าสูงและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
- ดัชนี Nasdaq-100 เป็นดัชนีที่ประกอบด้วย 100 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดที่จดทะเบียนใน Nasdaq ยกเว้นบริษัทในกลุ่มการเงิน Nasdaq 100 จึงเป็นเสมือนเป็นตัววัดความเคลื่อนไหวของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก
- ดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีที่กระจายความเสี่ยงในแทบทุกภาคอุตสาหกรรม สามารถสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวมได้ชัดเจน โดยหุ้นที่อยู่ใน S&P 500 คิดเป็นกว่า 80%ของมูลค่าตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งหุ้นที่อยู่ใน Nasdaq และตลาดหุ้นอื่นของสหรัฐฯ อย่าง NYSE ด้วย
III: ลงทุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ได้อะไร
การลงทุนในดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ทำให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของบริษัทสหรัฐฯ ซึ่งหลายบริษัทเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น
- Apple เจ้าของ iPhone ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนยอดฮิต ที่เพิ่งวางขาย iPhone17 เมื่อไม่นานมานี้
- Amazon เจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก
- Alphabet บริษัทแม่ของ Google ที่เป็นแทบทุกคนต้องเคยใช้ Google Search และ Google Maps ในชีวิตประจำวัน
- Meta เจ้าของ Social Media อย่าง Facebook, Instagram และโปรแกรม Chat อย่าง Messenger, WhatsApp
- Microsoft เจ้าของระบบปฏิบัติการ Windows ที่แทบทุกคนเคยได้ใช้งาน
- Nvidia บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน
- Tesla เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังระดับโลก
อีกทั้งการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ อย่างดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ยังได้รู้สึกถึงความมั่นคง เพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดหุ้นหลักของโลก เงินลงทุนจะเคลื่อนไหวไปตามภาพรวมของตลาดหุ้นโลก เห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นโลกอย่าง MSCI World Index และ MSCI ACWI Index ที่มีสัดส่วนของหุ้นสหรัฐฯ สูงถึง 72.11% และ 64.62%ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 29 ส.ค. 68 จาก justETF) ในขณะที่สัดส่วนอันดับ 2 อย่างหุ้นญี่ปุ่นมีเพียงประมาณ 5%เท่านั้น
IV: ลงทุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯ มีค่าธรรมเนียมต่ำ
หากเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ระหว่างกองทุนหุ้นทั่วไปที่เป็น Active Fund เช่น K-USA-A(A) ฯลฯ กับกองทุนหุ้นดัชนีที่เป็น Passive Fund พบว่ากองทุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯ Nasdaq และ S&P 500 เช่น K-USXNDQ-A(A) K-US500X-A(A) ตามลำดับ มีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าทั้ง “ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน” ที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รู้สึกว่าตนเองได้จ่ายอออกไป รวมถึง “ค่าธรรมเนียมการขาย” และ “ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน” ที่จะถูกหักออกจากเงินที่นำไปลงทุนและเงินที่ควรได้รับจากการขายคืน ตามลำดับ จึงถือว่ากองทุนหุ้นดัชนี Nasdaq และ S&P 500 เป็นการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนต่ำกว่ากองทุนทั่วไป
V: ทางเลือกลงทุนดัชนี Nasdaq และ S&P 500
การลงทุนดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ทางเลือกที่เริ่มได้ง่ายที่สุด เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำที่สุด คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งสามารถลงทุนได้บนมือถือผ่าน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย ที่แม้ยังไม่เคยมีกองทุนมาก่อนก็ตาม ก็ลงทุนได้ทันที โดยแบ่งเป็น (1) กองทุนลดหย่อนภาษีของ KAsset (2) กองทุนเปิดทั่วไปของ KAsset (3) กองทุนเปิดทั่วไปของ บลจ.อื่น ที่ซื้อได้ผ่าน K PLUS
หมายเหตุ: ตัวอย่างกองทุนเปิดทั่วไปของ บลจ.อื่น ที่ซื้อได้ผ่าน K PLUS ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีสูงสุด ณ 18 ก.ย. 68
ทุกการลงทุนเริ่มต้นได้เพียงปลายนิ้วบนมือถือผ่าน K PLUS ที่สามารถซื้อกองทุนได้หลากหลายรวมถึงกองทุนยอดฮิตอย่างกองทุนดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ของแทบทุก บลจ.ในประเทศไทย รวมถึงยังสามารถหักเงินจากบัตรเครดิตกสิกรไทยเพื่อซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีของ KAsset ได้อีกด้วย ได้ทั้งลงทุนและลดหย่อนภาษีด้วยเงินเพียงก้อนเดียว
หมายเหตุ:
-
ระดับความเสี่ยงกองทุน K-USXNDQ-A(A), K-US500X-A(A), K-USXNDQRMF, K-US500XRMF, SCBNDQ(A), TUSEQ-UH: ระดับ 6
-
นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- SCBNDQ(A): ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-USXNDQ-A(A): ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-US500X-A(A), K-USXNDQRMF, K-US500XRMF: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- TUSEQ-UH: ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
-
ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+2 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 2 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+2) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันพุธ (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- SCBNDQ(A): T+2
- K-USXNDQ-A(A), K-US500X-A(A), K-USXNDQRMF, K-US500XRMF: T+3
- TUSEQ-UH: T+3